มาร์คัส แรชฟอร์ด ศูนย์หน้าดาวรุ่งได้สร้างค่ำคืนอันน่าจดจำสำหรับตัวเขา หลังจากยิงคนเดียว 2 ประตูในนัดประเดิมสนาม ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโรปา ลีก โดยพลิกสถานการณ์จากที่เสียเปรียบเอฟซี มิดทิลลันด์ จากเกมเลกแรกที่สกอร์รวมตามหลังอยู่ก่อน
ปิโอน ซิสโต้ สานต่อประตูของเขาที่เดนมาร์กด้วยการยิงลูกขึ้นนำ แต่ทีมปีศาจแดงก็ตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็วจากการทำเข้าประตูตัวเองของ นิโกลาย โบดูรอฟ จากนั้น มิกเกล อันเดอร์เซ่น ก็มาเซฟจุดโทษของ ฮวน มาต้า ได้ แต่แรชฟอร์ดก็มาขโมยซีนหลังจากนั้นด้วยการยิงคนเดียว 2 ประตูในครึ่งหลัง
ขณะที่ทีมจากเดนมาร์กดูอ่อนแรงลงไป แถมยังเสีย อันเดร โรเมอร์ จากการโดยใบเหลืองที่ 2 ในช่วงท้ายเกม อันเดร์ เอร์เรร่า ก็มากดจุดโทษบวกเข้าไปอีกลูก ตามด้วยประตูของ เมมฟิส เดปาย ที่วันนี้โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด
ก่อนเกมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องมาเสียนักเตะตัวหลักอย่าง อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล ที่ได้รับบาดเจ็บในช่วงวอร์มอัพ ทำให้แรชฟอร์ดได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแทนศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศส และเขาก็ได้ยิงให้แอนเดอร์สันต้องออกแรงเซฟตั้งแต่ต้นเกม ซึ่งทีมปีศาจแดงมุ่งมั่นที่จะทวงประตูคืนจากเกมเลกแรกให้ได้
คิอัน ฮันเซ่น เกือบสกัดลูกครอสของเมมฟิสพลาดเข้าประตูตัวเอง จากนั้น คริสตอฟเฟอร์ โอลส์สัน ก็เตะบอลไปโดน เจสซี่ ลินการ์ด พุ่งเข้าสู่ตาข่ายด้านนอก ถือว่าทีมเยือนโชคดีหลายครั้งที่ยังไม่เสียประตู แถมยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาสามารถขยายสกอร์รวมเป็น 3-1 ได้ในนาทีที่ 27 ซิสโต้ลากบอลผ่านแนวรับก่อนที่จะซัดผ่านมือ เซร์คิโอ โรเมโร่ เข้าประตูไป
โรเมโร่รอดตัวในจังหวะต่อมา แต่ทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ก็เป็นฝ่ายเปิดเกมบุกเข้าใส่ฝั่งเดียวหลังจากนั้น เมมฟิสได้ยิงไปตรงตัวอันเดอร์เซ่น จากการจ่ายเข้ากรอบเขตโทษมาให้โดย มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน จากนั้นเมมฟิสก็ได้โอกาสยิงอีกครั้งหลุดกรอบออกไป แต่ในจังหวะต่อมาที่เขามีส่วนร่วมกับเกมบุกก็เป็นที่มาของประตูตีเสมอ
กิเยร์โม่ บาเรล่า และมาต้าลำเลียงบอลขึ้นมาจนถึงเมมฟิส เขากระชากบอลขึ้นทางฝั่งซ้าย ก่อนที่จะตบเข้ากลางไปโดนโบดูรอฟเปลี่ยนทางผ่านมืออันเดอร์เซ่นเข้าประตูตัวเอง ชไนเดอร์ลินได้ลองยิงโอเวอร์เฮดข้ามคานในจังหวะต่อมา และก็ทำได้ใกล้เคียงกว่าเดิมอีกจากการโขกลูกครอสของ โจ ไรลี่ย์ ไปชนเสา
เอร์เรร่าถูกโรเมอร์ทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ แม้ว่า ดาลี่ย์ บลินด์ จะได้บอลในจังหวะได้เปรียบ แต่ผู้ตัดสิน อิสต์วาน วาด ก็ชี้ให้เป็นจุดโทษ มาต้ารับหน้าที่สังหาร แต่บอลก็ไม่หนีมืออันเดอร์เซ่น ทำให้เขาสามารถพุ่งเซฟเอาไว้ได้ ก่อนที่จะจบครึ่งแรกด้วยการยิงได้ฝั่งละ 1 ลูก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดเกมเข้ากดดันทีมเยือนตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ทั้งชไนเดอร์ลินและเอร์เรร่าต่างก็พลาดโอกาสทอง โดยรายหลังโขกจ่อๆ หลุดกรอบจากจังหวะที่เมมฟิสทำขึ้นมาให้อย่างสุดสวย มิดทิลลันด์พยายามที่จะถ่วงเวลาทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถต้านได้อยู่ มาต้าตบบอลเข้ากลางให้แรชฟอร์ดยิงจ่อๆ เข้าไป ทำให้สกอร์รวมกลับมาเสมอกันที่ 3-3 ในนาทีที่ 63
สถานการณ์ของดาวรุ่งรายนี้ยิ่งดีขึ้นไปอีก เมื่อเขาอยู่ถูกที่ถูกเวลาอีกครั้งในจังหวะครอสจากฝั่งขวาของบาเรล่า ซึ่งก่อนหน้านั้นฟูลแบ็คชาวอุรุกวัยได้สลับฝั่งยืนกับไรลี่ย์ นั่นทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพลิกขึ้นนำในสกอร์รวม แถมแรชฟอร์ดก็ยังมีลุ้นทำแฮตทริคอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ผู้ตัดสินได้แจกใบเหลืองให้กับลินการ์ดข้อหาพุ่งล้มเอาจุดโทษ แต่สุดท้ายเขาก็เป่าให้จุดโทษที่ 2 กับทีมปีศาจแดงจนได้ เมื่อเมมฟิสเตะบอลไปโดนแขนของฮันเซ่นเต็มๆ คราวนี้เป็นเอร์เรร่าที่รับหน้าที่ยิงผ่านมืออันเดอร์เซ่นเข้าไปไม่พลาด และหลังจากนั้นโรเมอร์ก็มาโดนใบเหลืองที่ 2 จากการทำฟาวล์เมมฟิส
เมมฟิสซึ่งกระชากลากเลื้อยทางกราบซ้ายตลอดเกมมาซัดประตูที่ 5 ให้กับทีมได้ด้วยการซัดเลียดพื้นเสียบมุม ถึงตรงนี้ถือว่าสกอร์ขาดโดยสิ้นเชิงแล้ว แถมตัวสำรองอย่าง อันเดรียส เปเรร่า ที่ถูกส่งลงสนามก็เกือบบวกประตูที่ 6 เพิ่มได้อีกด้วย ก่อนที่ เรแกน พูล จะถูกส่งลงประเดิมสนามในช่วงท้ายเกม และทีมปีศาจแดงก็ปิดงานได้สำเร็จด้วยการใส่ชื่อตัวเองเข้าสู่การจับสลากรอบต่อไปในวันศุกร์
สถิติ